fonkm

การจัดการความรู้ด้านการวิจัยและนวัตกรรม

 


การจัดการความรู้ สู่องค์กรแห่งการเรียนรู้: พันธกิจการวิจัยและนวัตกรรม

ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสุขภาพที่ซับซ้อนจากเดิมมากยิ่งขึ้น จากการเจ็บป่วยทั้งจากโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีปัญหาสุขภาพจากอุบัติเหตุ ภัยพิบัติต่าง ๆ โรคจากการประกอบอาชีพ โรคจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นมลพิษ และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างชองประชากรที่เข้าสู่วัยสูงอายุ ปัจจัยกระทบต่อสุขภาพเหล่านี้  ส่งผลให้รูปแบบการจัดการองค์กรสุขภาพและนโยบายสาธารณสุขเปลี่ยนแปลง (ศิริพร สิงหเนตร จรวยพร ใจสิทธิ, วิชยา เห็นแก้ว, 2560) ประเทศไทยได้มีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่เป็นรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดระบบ ปรับทิศทาง และพัฒนารูปแบบการส่งเสริมให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า และสามารถก้าวเข้าสู่ยุคแห่งศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีคุณภาพ โดยนโยบายมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการสร้างนวัตกรรม หรือที่เรียกว่า “value-based economy” เป็นการพัฒนาประเทศโดยใช้ฐานความคิด 3 แนวคิดคือ 1) การเปลี่ยนแปลงจากการผลิตสินค้าไปสู่สินค้าเชิงนวัตกรรม 2) การเปลี่ยนแปลงจากการพัฒนาประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรมไปสู่การพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยี ความคิดเชิงสร้างสรรค์ และนวัตกรรมบริการ และ 3) การเปลี่ยนแปลงจากการเน้นที่ภาคการผลิตสินค้าไปสู่การเน้นที่ภาคบริการมากขึ้น

แผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2560 -2574) มีเป้าหมายคือการยกระดับคุณภาพอุดมศึกษาไทยเพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ สามาถปรับตัวสำหรับงานที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต พัฒนาศักยภาพอุดมศึกษาในการสร้างความรู้และนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในโลกาภิวัฒน์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ แผนวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (พ.ศ.2563-2565) โดยกลุ่มภารกิจนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้สะท้อนให้เห็นว่า การวิจัยเป็นพันธกิจที่สำคัญของสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา การประเมินความสำเร็จของการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา สามารถพิจารณาได้จากการเปรียบเทียบจำนวนบทความวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในระดับชาติหรือระดับนานาชาติกับจำนวนอาจารย์ประจำ และจำนวนทุนวิจัยที่ได้รับ

สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอาจารย์และนักศึกษาให้มีภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมด้านสุขภาพ โดยสามารถพัฒนาตนเองตามแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมในแต่ละขั้นตอนของการสร้างนวัตกรรม เริ่มตั้งแต่ระยะที่ 1) การสร้างโอกาสและความคิด ผู้นำจะต้องสร้างแรงจูงใจ สนับสนุนการค้นหาปัญหาหรือโอกาสที่จะต้องพัฒนา และจัดสรรทรัพยากร เวลา บุคลากรเพื่อให้เอื้อต่อการดำเนินงาน 2) การค้นหาปัญหา ผู้นำจะต้องสร้างความรู้ แนวคิด หรือแนวปฏิบัติขององค์กรที่ได้จากปัญหาและอุปสรรคที่พยายามแก้ไขมาแล้ว ผ่านการกระตุ้นทีมให้เกิดการแลกเปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์ ทำการทดสอบแนวปฏิบัติ 3) การนำไปปฏิบัติ โดยผู้นำทำหน้าที่เป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลง และ 4) การควบคุม ผู้นำจะต้องสื่อสารกับองค์กรทั้งภายในและภายนอกเพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่นวัตกรรมและเพิ่มพูนความรู้ ทักษะที่ทันสมัยให้กับตนเองอยู่ตลอดเวลา  (นงนุช หอมเนียม, 2563)

คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก มีแนวคิดการดำเนินการจัดการความรู้ คือ การพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถพัฒนาผลงานให้มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ อันจะช่วยผลักดันการบรรลุวิสัยทัศน์ เป็นสถาบันการศึกษาพยาบาลชั้นนำของอาเซียน สร้างกำลังคนทางการพยาบาลเพื่อชุมชนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2) การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อพัฒนาสุขภาวะของชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน ได้จัดทำโครงการจัดการความรู้ สู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยมีประเด็นการจัดการความรู้แยกตามพันธกิจ คือ พันธกิจด้านผลิตบัณฑิต พันธกิจด้านการวิจัยและนวัตกรรม และพันธกิจการพัฒนาองค์กร สำหรับหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนจะกล่าวถึง การจัดการเรียนรู้สู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ในพันธกิจการวิจัยและนวัตกรรม โดยกำหนดประเด็นการจัดการความรู้ (Knowledge Identification) คือการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก การตีพิมพ์เผยแพร่ และการพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ

          คณะพยาบาลศาสตร์ ได้มอบหมายให้วิทยาลัยในสังกัด ดำเนินการจัดการความรู้ตามแผนของคณะ ฯ โดยคณะอนุกรรมการการจัดการความรู้ ได้พัฒนาคู่มือการจัดการความรู้สู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Knowledge Management Manual to a Learning Organization) พร้อมถ่ายทอดและชี้แจงการใช้งานแก่วิทยาลัย เพื่อให้วิทยาลัยใช้เป็นแนวทางกระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management Process) หลังจากแต่ละวิทยาลัยได้ดำเนินการแสวงหาความรู้ทั้งความรู้ในตัวบุคคลที่มีประสบการณ์ตรง (Tacit knowledge) และแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ (Explicit knowledge) รวบรวม ประมวลและสรุปความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในวิทยาลัยแล้ว คณะพยาบาลศาสตร์ได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (KM sharing) โดยเชิญวิทยากรจากวิทยาลัยต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญ และวิทยากรจากภายนอก (Explicit knowledge) หลังจากนั้นได้จัดเวทีเผยแพร่ผลงานการจัดการความรู้ ระดับคณะพยาบาลศาสตร์ พร้อมประกวดผลงานการจัดการความรู้ เพื่อค้นหาแนวปฏิบัติที่ดี กระบวนการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่คณะจัดขึ้น โดยคำนึงถึงบรรยากาศของการมีอิสระทางวิชาการ ทำให้ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice/ CoP) จากทุกวิทยาลัยที่เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยน รู้สึกเป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน เกิดความไว้วางใจ (Mutual trust) เต็มใจในการแบ่งปัน แลกเปลี่ยน Tacit knowledge ของตนออกมาอย่างไม่มีการปิดกั้น

        ผลการพิจารณาตัดสินพบว่า มีกระบวนการจัดการความรู้ในพันธกิจการวิจัย ประเด็นการวิจัย (Knowledge Identification) คือการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก และการตีพิมพ์เผยแพร่ มี 5 วิทยาลัย และประเด็นการพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ มี 5 วิทยาลัย ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 3 ปี มีการประเมินผลการจัดการเรียนรู้ที่ดีขึ้น จนเป็นแนวปฏิบัติที่ดี สมควรเผยแพร่ให้หน่วยงานอื่นๆ นำไปปฏิบัติ เพื่อพัฒนาต่อยอด ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บรรลุประเด็นยุทธศาสตร์คือการสร้างความรู้และนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อพัฒนาสุขภาวะของชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน ผู้เขียนขอนำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีด้านการวิจัย ตามลำดับ ดังนี้ 

แนวปฏิบัติที่ดีด้านการวิจัยจากผลงานการจัดการความรู้เรื่องที่ 1 3 ปี KM & CoP อย่างต่อเนื่องเพื่อลือเลื่อง PROCESS INNOVATION RESEARCH ช่วยพิสูจน์และรับประกันเพื่อสร้างสรรค์ BEST PRACTICE (วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 2566)

วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ได้พัฒนาแนวทางในการเพิ่มทักษะการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยให้กับคณาจารย์ของวิทยาลัย ฯ เพื่อให้ได้รับทุนสนับสนุนจากภายนอกมากขึ้น โดยผ่านกระบวนการจัดการความรู้ เพื่อจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้คณาจารย์ทั้งที่เป็นนักวิจัยอยู่แล้ว และสร้างนักวิจัยหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยให้สัดส่วนทุนสนับสนุนการวิจัยจากแหล่งทุนภายนอกเพิ่มขึ้น ตลอดจนผลักดันผลงานวิจัยให้มีคุณภาพสูงขึ้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านเทคโนโลยีของสังคมและประเทศชาติได้ โดยการนำแนวคิดวงจรบริหารงานคุณภาพของ Dr. William Edward Deming ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ 1) การวางแผน (Plan) การปฏิบัติ (Do) ตรวจสอบ/การประเมินผล (Check) และการปรับปรุง (Act) เพื่อให้เกิดกระบวนการที่ใช้ในการปรับปรุงการพัฒนาศักยภาพนักวิจัยเพื่อเพิ่มสมรรถนะการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอกอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการพัฒนาศักยภาพนักวิจัยเกี่ยวกับการเขียนโครงร่างวิจัย ฯ อย่างต่อเนื่อง (Continuous improvement—CI) และทำวน Loop ไปเรื่อย ๆ โดยนำผลลัพธ์ปี 64 มาปรับปรุงและพัฒนาในปี 65

ผลลัพธ์ คือ สัดส่วนเงินทุนวิจัยภายนอกต่อภายในเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 80: 20 จำนวนเงินทุนวิจัยภายนอกและเงินทุนวิจัยภายในคือ 1,828,869 บาท และ 482,484 ตามลำดับ  มีจำนวนนักวิจัยหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 13 ราย จำนวนโครงร่างวิจัยที่ได้รับทุนวิจัยภายนอกเพิ่มขึ้นเป็น 5 ราย และมีแนวทางการเขียนโครงร่างวิจัยแบบมืออาชีพไปใช้ประโยชน์ทั้งในและภายนอกองค์กร

แนวปฏิบัติที่ดีด้านการวิจัยจากผลงานการจัดการความรู้เรื่องที่ 2 การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิชาการระดับชาติและนานาชาติและการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายในและภายนอก (วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เพชรบุรี, 2566)

          วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เพชรบุรี ได้ดำเนินงานการจัดการความรู้พันธกิจการวิจัยในปีงบประมาณ 2562- 2566 มีการจัดการความรู้ในประเด็น “การเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก” อย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้อาจารย์มีการรวมกลุ่มในการพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อให้ได้รับทุนภายนอก หลังจากการทดลองใช้กระบวนการ PDCA ในรูปแบบที่เรียกว่า I CAN DO Model ที่สร้างแรงจูงใจ (Inspiration) มีความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นและนักวิจัยภายนอก (Collaboration) มีการชื่นชม (Appreciation) ทำให้เป็นวัฒนธรรมขององค์กร (Norm) สร้างทีมงานที่มีทั้งนักวิจัยรุ่นใหม่ รุ่นกลางและรุ่นอาวุโส (Dream team) และมองหาโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน (Opportunity)

ผลลัพธ์ คือ วิทยาลัย ฯ ประสบความสำเร็จโดยมีสัดส่วนทุนวิจัยภายนอก: ทุนวิจัยภายใน ดังนี้ 82:28, 66:34, 67:33, 87.60:12.40, และ 82.90:17.10 และจำนวนเงินสนับสนุนงานวิจัยต่อจำนวนอาจารย์ประจำ≥ 50,000 บาทต่อคน ดังนี้ 51,403. 78, 59,668.02, 50,593.73, 50,834.12, และ63,356.25 บาทต่อคนต่อปี ตั้งแต่ปี 2561-2565 ตามลำดับ มีการเผยแพร่ในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสถาบันภายในคณะพยาบาลศาสตร์ และสถาบันภายนอก

          เแนวปฏิบัติที่ดีด้านการวิจัยจากผลงานการจัดการความรู้เรื่องที่ 3 แนวทางปฏิบัติในการพัฒนาศักยภาพนักวิจัยและเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากแหล่งทุนภายนอก (วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรี, 2566)

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรี ได้ปรับการวางแผนยุทธศาสตร์  ปี พ.ศ. 2563- 2567 ของวิทยาลัย ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการวิจัยและสร้างผลงานวิชาการด้านสุขภาพที่ตอบสนองความต้องการของสังคม  โดยกำหนดกลยุทธ์การยกระดับคุณภาพการผลิตผลงานวิจัยและผลงานวิชาการที่มีคุณภาพสูง และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการวิจัยเพื่อแสวงหาแหล่งทุนวิจัยจากภายนอก รวมทั้งการสร้างองค์ความรู้ผ่านกระบวนการจัดการความรู้ เรื่อง “การพัฒนาศักยภาพนักวิจัยและเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากแหล่งทุนภายนอก  โดยใช้กระบวนการโค้ช (Coaching) จากพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์เพื่อสอบถามปัญหาอุปสรรค ให้คำปรึกษา กำหนดช่วงเวลาในการดำเนินงานร่วมกันอย่างชัดเจน และติดตามประเมินผลเป็นระยะๆ

ผลลัพธ์ คือวิทยาลัย ฯ ได้รับทุนวิจัยจากภายนอกเพิ่มมากขึ้น มีการเผยแพร่คู่มือการพัฒนาศักยภาพนักวิจัยและเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากแหล่งทุนภายนอกผ่านเว็บไซต์ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรี เครือข่ายความร่วมมือเพื่อการขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากแหล่งทุนภายนอกกับทีมวิจัยจากคณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทรา ธิราช  ในการเตรียมจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับทุนวิจัยจากแหล่งทุนภายนอก (กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม: อว.) และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย STIKes Payung Negeri Pekanbaru, Indonesia

 แนวปฏิบัติที่ดีด้านการวิจัยจากผลงานการจัดการความรู้เรื่องที่ 4 การเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อให้ได้รับทุนสนับสนุนจากภายนอกองค์กร (วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุดรธานี, 2566) 

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุดรธานี ได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา พ.ศ.2565-2569 และกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 การวิจัยเพื่อสร้างอง์คามู้และพัฒนานวัตกรรมทางการพยาบาลและสุขภาพเพื่อพัฒนาสุขภาวะชุมชน สังคม และประเทศ  มีการนำกระบวนการจัดการความรู้มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน พัฒนางาน พัฒนาคุณภาพ เพื่อให้เกิดผลดีต่อองค์กร จึงได้จัดการความรู้เรื่อง “การเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อให้ได้รับทุนสนับสนุนจากภายนอกองค์กร” โดยวิทยาลัย ฯ เป็นแกนนำในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพนักวิจัยเพื่อพัฒนาโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนวิจัยจากหน่วยงานภายนอก เชิญวิทยากรจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และนักวิจัยที่มีประสบการณ์การเสนอโครงร่างวิจัยในการขอสนับสนุนทุนวิจัยจากภายนอกมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งในและนอกสถาบัน

ผลลัพธ์ เกิด CoP ในการพัฒนาศักยภาพนักวิจัยในการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก ประกอบด้วย อาจารย์จากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุดรธานี จำนวน 35 คน และอาจารย์จากวิทยาลัยพยาบาลและวิทยาลัยการสาธารณสุขอื่นๆ จำนวน 34 คน  มีโครงร่างวิจัยที่ได้รับทุนจาก สวรส. จำนวน 10 เรื่อง เป็นเงิน 19,450,750 บาท

 

แนวปฏิบัติที่ดีด้านการวิจัยจากผลงานการจัดการความรู้เรื่องที่ 5 การพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพนักวิจัยในการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก (วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช, 2566)

          วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 เป้าประสงค์ที่ 5 คืออาจารย์มีความเชี่ยวชาญในการสร้างงานวิจัย ผลงานวิชาการ นวัตกรรมทางด้านสุขภาพและการศึกษาพยาบาล และได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภายนอก มีการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของอาจารย์ในการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก โดยนำแนวคิดการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการปรับปรุงการดำเนินงานด้านกระบวนการภายในองค์กร และแนวคิดการถอดบทเรียนมาใช้ในการพัฒนา ประยุกต์ใช้ Model ADKAR ซึ่งใช้หลักการแนวคิดในการเตรียมความพร้อมองค์การสู่การเปลี่ยนแปลงโดยมุ่งเน้นไปที่ คน Hiatt ได้แบ่งองค์ประกอบในการสร้างความสำเร็จให้แก่การบริหารการเปลี่ยนแปลงออกเป็น 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การสร้างความตระหนักรับรู้ต่อการเปลี่ยนแปลง (A:Awareness)    2) ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง (D : Desire) 3) การมีความรู้ (K : Knowledge) 4) การมีความสามารถทำได้ (A : Ability) 5) การเสริมกำลัง (R : Reinforcement)

          ผลลัพธ์  มีการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก จำนวน 2 เรื่อง จำนวน 3,197,990 บาท และได้พัฒนา Model ในการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก 1 โมเดล

 เอกสารอ้างอิง

นงนุช หอมเนียม. (2563). แนวคิดภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมด้านสุขภาพในวิชาชีพการพยาบาล. วารสารการแพทย์ โรงพยาบาลอุดรธานี. 28(3): 244 – 253.

วิไลพรรณ ตาริชกุล, เกรียงไกรยศ พันธุ์ไทย. (2560). กระบวนการจัดการความรู้ เพื่อสร้างองค์การนวัตกรรม. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร. 8(2): 271-279.

ศิริพร สิงหเนตร, จรวยพร ใจสิทธิ, วิชยา เห็นแก้ว. (2560). ภาวะผู้นําการพยาบาลในศตวรรษที่ 21. วารสารนเรศวรพะเยา. 10(1):17-22.

Thailand 4.0 https://www.excise.go.th/cs/groups/public/documents/document/
dwnt/mjgy/~edisp/uatucm282681.pdf

Bandura, A., & Walters, R. H. (1977). Social learning theory (Vol. 1). Prentice  Hall: Englewoodcliffs. Moen, R., & Norman, C. (2006). Evolution of the PDCA cycle. 5STARCooks

Knowledge Management Plan Manual. (2005). [Online], Available:   http:// www.
203.157.7.7/KM/doc/handbook_2549.pdf (2021,   27 October) 


{fullWidth}



แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า